ปกเกศ และป้องปักษ์ เป็นเด็กที่ คุณเฉลิมพร ปฐมพงษ์ พ่อเลี้ยงทางเหนือที่มีกิจการรีสอร์ท ขอมาเลี้ยงจากบ้านเด็กกำพร้า เนื่องจากคุณปิยธิดา ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากไม่สามารถมีบุตรได้
ทั้งสองคนพยายามทุกวิธีที่จะให้ได้ลูกทั้งทำกิฟท์ เด็กหลอดแก้วฯลฯ จนสุดท้ายก็จนปัญญาต้องขอเด็กจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเป็นบุตรบุญธรรม
เมื่อปกเกศอายุได้ประมาณ 5 ปี พ่อกับแม่ก็รับป้องปักษ์ที่เพิ่งเกิดได้เพียง 2 เดือนมาเป็นบุตรอีกคน
ปกเกศผู้เป็นพี่รักและเอ็นดูน้องชายคนเดียวเสมอมา เพราะแม่ดาสอนไว้เสมอว่าต้องรักน้องให้มากๆ
ทั้งคุณเฉลิมพรและคุณปิยธิดาให้ทุกคนในบ้านปกปิดเรื่องที่ทั้งสองไม่ใช่ลูกแท้ๆไว้เป็นความลับของครอบครัวจะมีคนล่วงรู้ก็คือ พ่อเฉลิม แม่ดา และแม่นมทั้งสองเท่านั้น...ความลับนี้ถูกเก็บงำตลอดมา
ปกเกศเป็นคนเรียนดีและมีความรับผิดชอบสูงมาก เขาถูกส่งไปเรียนด้านการบริหารที่อเมริกา มีเนื้อนวลเป็นแม่นม ที่เลี้ยงดูพี่ปกมาตั้งแต่เล็กด้วยความรักและหวังให้โตมาอย่างเข้มแข็งและเป็นที่พึ่งของทุกคนได้ พี่ปกมีจิตใจอ่อนโยนและเป็นคนฉลาด เรียบร้อยพูดน้อย เอาแต่ยิ้มอย่างเดียว
ส่วนป้องปักษ์เป็นคนหัวดีแต่ความที่รักศิลปะมาตั้งแต่เด็กและเป็นลูกคนเล็ก เขาไม่คิดว่าจะต้องรับผิดชอบอะไรในกิจการของครอบครัวเลย..เพราะเขารู้ว่า พี่ปก จะเป็นคนดูแลกิจการได้ดี
ทำให้ป้องทุ่มเทไปยังสิ่งที่สนใจและที่ตัวเองชอบเท่านั้น นั่นคือการเล่นดนตรีและการร้องเพลง ซึ่งคุณ ปิยธิดาก็ไม่เคยว่าอะไรเพราะหลงรักลูกชายคนเล็กที่หน้าตาน่ารัก ขี้อ้อน อ่อนไหวและแสนงอนคนนี้อย่างหัวปักหัวปำ ถึงแม้น้องป้องจะดื้อรั้นอยู่บ้างแต่เนื้อแท้แล้วเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยนมาก
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น แม่ดา ก็ไม่ได้หลงลืมปกเกศซึ่งก็โหยหาความรักจากแม่มาตลอดเหมือนกัน เธอได้ให้ความรักอย่างเท่าเทียมกันเสมอมา
สองพี่น้องทั้งรักและผูกพันกันมาก มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ป้องปักษ์รู้ว่าพี่ปกรักเขามากก็เมื่อก่อนพี่ปกจะไปเรียนต่อ ที่อเมริกาตอนนั้นน้องป้องอายุได้เพียง15 ปี เขาคบเพื่อนไม่ดีและเกือบเสียคนเพราะว่าเขาต้องตกเป็นทาสของยาเสพติด
พี่ปกก็เข้ามาช่วยและเกือบจะต้องทำให้พี่ปกไปเรียนต่อไม่ได้จากการถูกแก๊งค์ยาเสพติดทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสและทำให้มีแผลเป็นที่ข้อมือขวา แผลที่ป้องเห็นครั้งใดก็ต้องสะท้อนใจเสมอ พี่ปกต้องบาดเจ็บจากความหลงผิดของเขา
พี่ปกรักษาตัว พร้อมกับที่ ป้องต้องบำบัดยาเสพติดไปด้วย
“ถ้าป้องยังไม่หาย...ผมก็คงไปเรียนต่อไม่ได้”
นั่นคือคำที่ปกเกศยืนกรานกับคนเป็นพ่อ คุณเฉลิมพรก็ต้องตามใจ 1 ปีเต็ม กว่าป้องจะสามารถเลิกยาเสพติดได้และก็เป็น1ปีที่สาหัสมากสำหรับครอบครัว “ปฐมพงษ์”
จันทร์เพ็ญผู้เลี้ยงดูป้องมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก รักและหลงเด็กคนนี้เหลือเกิน การที่ป้องติดยาเสพติดครั้งนี้เธอก็มีส่วนในการตามใจป้องในทางที่ผิดด้วย เธอไม่เคยว่ากล่าวอะไรเลย แม้ว่าบางสิ่งที่น้องป้องทำนั้นจะไม่ถูกไม่ต้อง ก็เพราะความรักและสงสารน้องป้องอย่างจับจิตจับใจ
บางครั้งป้องดื้อกับคุณปิยธิดามากๆก็เพราะมีแม่จันทร์นี่แหละที่ให้ท้ายเสมอมาอ้างว่า
“ยังเด็กเล็กนัก ว่าไปก็เสียเวลาเปล่า ตีไปก็ตายเปล่า”
เป็นคำพูดประจำตัวของแม่จันทร์ จนป้องได้ใจว่าแม่ทั้งสองรักตัวเองมากและบางครั้งก็ดื้อจนไม่ฟังเสียงใครเลยกระทั้งพ่อและพี่ชาย
ปกเกศเรียนจบจากอเมริกาในเวลาเพียง 3 ปี พร้อมเกียรตินิยมอันดับ1 สร้างความยินดีแก่ทุกคนเป็นอย่างมาก
ครอบครัว“ปฐมพงษ์” ก็กำลังเตรียมจะขยายกิจการ คุณเฉลิมพร คิดจะเปิด รีสอร์ท ต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านทางตลาดอินโดจีน…ที่เวียดนาม
ปกเกศมีคนรักที่รักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันชื่อทิพย์อาภา ทั้งสองเป็นกำลังใจให้กันและกันเสมอมาและเมื่อทุกอย่างลงตัวปกเกศก็คิดที่จะแต่งงานกับเธอด้วย
แต่ความสุขนั้น...ก็อยู่ได้ไม่นานนัก…เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง..หรือนี่คือพรหมลิขิต...
เมื่อคุณปิยธิดาล้มป่วยลงด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย ซึ่งเธอก็ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าเป็นโรคร้าย
แต่เธอก็ดีใจที่ยังได้ทันเห็นความสำเร็จของลูกชายคนโต แต่อาจผิดหวังอยู่บ้างกับการยังไม่ประสาอะไรของลูกชายคนเล็กเลย
คุณปิยธิดายื่นซองสีน้ำตาลซองใหญ่ให้ปกเกศ..เขาเปิดมันออกดูด้วยมืออันสั่นเทา ..ความลับที่พ่อกับแม่ปิดบังไว้ถูกเปิดเผยให้พี่ปกรู้
“ปก..อย่าทิ้งน้อง..ไม่ว่าน้องจะเป็นยังไง...น้องก็คือน้องนะลูก..รักและดูแลน้องแทนแม่ด้วย”
คำพูดของแม่ที่เฝ้าบอก ก่อนจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เธอจากไปอย่างรวดเร็วด้วยเวลาแค่เพียงเวลา 3 ปีหลังจากปกเกศกลับมาเท่านั้น
เหมือนมีสายใยบางๆที่คล้องปกเกศและป้องปักษ์ไว้ด้วยกัน..ต่อจากนี้ไปเขาสองพี่น้องจะไม่มีวันแยกออกจากกันได้เลย ด้วยพันธะผูกพันทางสายเลือด
แม่นวลผู้มีอัธยาศัยดี อีกทั้งยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณปิยธิดา และใกล้ชิดกับครอบครัวนี้มากเรียกว่าโตมาพร้อมกับคุณปิยธิดาเลยก็ว่าได้ ทำให้คุณเฉลิมพรมองเห็นความดีและอยากให้มาเป็นคนที่คอยให้กำลังใจและดูแลตนซึ่งก็อายุมากขึ้นทุกที สร้างความไม่พอใจแก่แม่จันทร์ซึ่งก็แอบชอบคุณเฉลิมพรมานานแล้วเหมือนกัน
ทำให้เธออดที่จะอิจฉาแม่นวลไม่ได้..และทางเดียวที่จะให้ได้มาซึ่งโอกาสต่อรองคือการยืนกรานของป้องปักษ์ที่จะไม่ยอมรับการมีแม่ใหม่
แล้วแม่จันทร์ก็หลุดประโยคที่เป็นความลับของครอบครัวออกมาว่า “ปกเกศ”ไม่ใช่ลูกแท้ๆของครอบครัวปฐมพงษ์แต่เพราะเธอรักป้องมากจึงไม่บอกความจริงทั้งหมด ให้ป้องรู้
แม่จันทร์เป็นคนที่คอยเสี้ยมให้น้องป้องทะเลาะและขัดขวางพี่ปกในการทำงานต่างๆ บางครั้งป้องก็อดถามแม่จันทร์ไม่ได้ว่า
“พี่ปกเขาก็ทำดีมาตลอด...ทำไมแม่จันทร์เพิ่งจะมาขวางอะไรตอนนี้”
แต่การถูกเป่าหูว่า “อีกหน่อยจะกลายเป็น หมาหัวเน่า”เพราะทำอะไรก็ไม่สำเร็จ ทำให้ป้องมีแรงฮึดสู้..ในที่สุดพ่อก็ได้ให้โอกาสดูแลรีสอร์ทเล็กๆระดับ 4 ดาวที่เชียงใหม่ซึ่งป้องก็สามารถทำได้ดีระดับหนึ่ง แต่เขาอดคิดน้อยใจไม่ได้ว่าทำไมพ่อไม่ให้เขาดูแลกิจการที่ใหญ่และสำคัญกว่านี้
ความรักและความหวังดีที่พี่ปกจะมอบให้เมื่อน้องมีปัญหาด้านการบริหาร หวังจะยื่นมือเข้าช่วย กลับทำให้ป้องโกรธและหาว่าพี่ปกดูถูกและไม่เชื่อฝีมือตัวเอง
ทั้งสองมีปากเสียงกันเรื่อยมา ท่ามกลางความกลัดกลุ้มของพ่อและแม่นวล แต่ยังมีคนที่แสนจะดีใจก็คือแม่จันทร์ ถึงแม้ว่าน้องเอยหรืออภิญญา คนที่ป้องปักษ์ฝากหัวใจไว้ให้จะเตือนสติอยู่เสมอก็ตาม แต่เพราะความทิฐิของป้องเป็นใหญ่ทำให้เขาขาดสติและไม่ฟังใครๆ
จนสุดท้ายป้องหลงคารมเสี่ยโอฬารเรื่องให้ทำคาสิโนในรีสอร์ท แล้วในที่สุดก็กลายเป็นแหล่งอบายมุขและซ่องสุมพวกยาเสพติดโดยที่ป้องก็ไม่ทันรู้มาก่อน
หัวหน้าแก้งค์ค้ายาเสพติดคือนายชัย คนที่ถูกสองพี่น้องช่วยทางตำรวจนำจับเข้าคุกและทลายแก๊งค์ยาเสพติดรายใหญ่ได้เมื่อครั้งกระโน้นจนเป็นข่าวโด่งดังไปทั่ว
และขณะนี้เขาก็ออกมาแล้วด้วยการติดสินบนเจ้าหน้าที่และการช่วยเหลือของเสี่ยโอฬารและมันได้จ้องวางแผนจะทำร้ายสองพี่น้องนี้มาตลอด
พี่ปกมีเพื่อนที่ทำงานลับๆให้กับทางราชการได้เปรยๆเรื่องรีสอร์ทของน้องป้องกับพี่ปกเสมอว่าไม่ชอบมาพากล กลัวว่าน้องป้องจะมีความผิดเรื่องให้ที่ซ่องสุม ทำให้พี่ปกต้องแอบสืบและได้รู้ความจริงแต่ก็ช้าไป
ตำรวจนอกเครื่องแบบแอบเข้ามาสอดแนมในรีสอร์ทและพบเบาะแสการค้ายาเสพติด กำลังนำทีมเข้าจับกุม
หัวหน้าแก้งค์ค้ายาฯจนมุมจับน้องป้องไปเป็นตัวประกันและพี่ปกก็มาช่วยน้องป้องอีกครั้ง แต่พ่อเฉลิมพรต้องมารับเคราะห์แทนลูกด้วยการถูกยิงที่ขากระสุนถูกเส้นเลือดใหญ่ต้องทำการผ่าตัดและต้องใช้เลือดเป็นจำนวนมาก
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ป้องปักษ์ได้รู้ว่าตัวเองก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆของครอบครัวปฐมพงษ์เหมือนกัน เขาช็อคมาก สับสนและหนีออกจากบ้าน ปิดมือถือและทิ้งทุกสิ่งไว้ข้างหลัง
หนีไปยังที่ ที่ไกลแสนไกล...ที่จะไม่มีใครหาเขาเจอ เพราะความอับอาย ขลาดกลัวและไม่กล้าเผชิญหน้ากับพี่ปก..แต่เขาลืมไปว่า..พี่ปกรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน..เพราะสายใยบางๆที่เชื่อมใจระหว่างพี่น้องไม่มีวันขาดจากกันได้
“พี่ปก..ป้องอยากไปทะเล…ที่ๆมีน้ำใสและเกาะสวยๆแบบนี้..แบบในรูปนี้ ป้องอยากไปใช้ชีวิตที่นั่น......มันคือความฝันของป้อง..สักวันเราไปด้วยกันนะ.. นะพี่ปกนะ”
คือคำของน้องป้องที่เพ้อจากพิษไข้ระหว่างการถอนยาเสพติดในครั้งนั้น ปกยิ้มออกมาได้เขารีบตรงไปยังสถานที่ ที่เขาคิดว่าน้องป้องต้องไปและเขาก็มั่นใจมากๆว่าเขาต้องได้เจอน้องชายสุดที่รักอย่างแน่นอน
ที่ริมหาดในเกาะที่ห่างไกลความเจริญ..มีเพียงเสียงคลื่นและสายลมเย็นพัดแผ่ว..ร่างของใครคนหนึ่งที่แสนจะคุ้นเตากำลังเดินเล่นอยู่ที่ชายหาด และไปหยุดอยู่ที่โขดหิน ปกเกศเดินเข้ามาใกล้และนั่งลงข้างคนที่กำลังใจลอย
ตอนแรกป้องปักษ์จะเดินหนีเขาไม่อาจสู้หน้าคนที่เป็นพี่ได้ เขาอายและเสียใจมาก พี่ปกต้องพยายามพูดให้กำลังใจและอธิบายความจริงให้ฟัง
ปกถือรูปถ่ายทะเลที่ป้องเคยให้เขาดูไว้ในมือพร้อมกับยื่นซองเอกสารบางอย่างให้ป้อง เอกสารที่แม่ดาทิ้งไว้ให้ก่อนจากไป ผลการตรวจ DNA ที่แสดงว่าปกเกศและป้องปักษ์เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันจริงๆ..ซึ่งแม่ดาได้ขอร้องให้คุณหมอที่สนิทกันแอบตรวจไว้เพราะสงสัยเรื่องแม่ของเด็กที่ตัวเองได้รับมาเป็นลูกทั้งสองคนมีชื่อ-สกุลซ้ำกันโดยบังเอิญและพรหมลิขิตก็เกิดขึ้นอย่างบังเอิญกับครอบครัวนี้
สองพี่น้องกอดกันกลม น้ำตาแห่งความดีใจหลั่งไหลออกมาจากใบหน้าของป้องปักษ์...ปากก็พร่ำบอกว่าขอโทษจนปกเกศไม่อาจนับได้ว่าน้องชายเอ่ยออกมากี่คำแล้ว…
..ในที่สุดครอบครัว “ปฐมพงษ์” ก็กลับมาสู่ความสงบสุขอีกครั้ง
…………….The end…………….
เรื่องย่อ..ที่แต่งไว้ยังไม่ได้ลงรายละเอียดใดๆ..ถ้าว่างๆจะมาต่อค่ะ...ขอบคุณที่พลัดหลงเข้ามาค่ะ